โครงงานWEB BLOG หอยแครงคายดินด้วยสมุนไพร

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตารางสรุปผลการทดลอง

สวัสดีค่ะท่านผู้ชมทุกๆท่าน วันนี้ดิฉันจะพาทุกๆท่านไปชมตารางสรุปผลการทดลองของโครงงานเรื่อง หอยแครงคายดินด้วยสมุนไพร ค่ะ
            ซึ่งในการทำโครงงานเรื่องนี้ทางคณะผู้จัดทำได้ทำการทดลองด้วยกันทั้งหมด 3 ครั้ง แต่สิ่งที่ฉันจะพาทุกท่านไปดู คือ ตารางผลการทดลองโดยเฉลี่ยที่ได้จากการทดลองทั้งหมด อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าสมุนไพรชนิดไหนจะมีผลต่อการคายดินของหอนแครงมากที่สุด ไปดูกันเลยค่ะ

ตาราง แสดงปริมาณการคายดินของหอยแครงในสมุนไพรแต่ละชนิดทั้ง 3 ครั้ง

ชนิดของสมุนไพร
ปริมาณการคายดินของหอยแครงโดยเฉลี่ย (ร้อยละ )
บอระเพ็ด
22.22
ใบโหระพา
24.60
พริกขี้หนู
17.46
ใบขี้เหล็ก
15.08
ขมิ้น
10.32
น้ำเปล่า
10.32

จากตาราง แสดงปริมาณการคายดินของหอยแครงในสมุนไพรแต่ละชนิดทั้ง 3 ครั้ง พบว่า ใบโหระพามีปริมาณการคายดินของหอยแครงโดยเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ บอระเพ็ด, พริกขี้หนู, ใบขี้เหล็ก, ขมิ้นและน้ำเปล่ามีปริมาณการคายดินของหอยแครงโดยเฉลี่ยเท่ากัน

วิธีการทดลอง




สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชมทุกๆท่าน หลังจากที่ท่านได้หลงเข้ามาใน Blog นี้แล้ว ท่านคงอยากรู้ใช่ไหมคะ ว่า ทำไม blog นี้มีแต่รูปหอยแครงอยู่เต็มไปหมด มาค่ะดิฉันเฉลยให้ เหตุผลที่ใน Blog นี้มีแต่รูปหอยแครงกับสมุนไพรก็เพราะว่า นี่คือ Blog ของโครงงานหอยแครงคายดินด้วยสมุนไพรนั่นเอง
วันนี้ดิฉันจะพาทุกๆท่านไปดูขั้นตอนการทำโครงงานเรื่องนี้ค่ะ ไปดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ชั่งบอระเพ็ด, ใบโหระพา, พริกขี้หนู, ใบขี้เหล็กและขมิ้น ชนิดละ 100 กรัม


ขั้นตอนที่ 2 นำบอระเพ็ด, ใบโหระพา, พริกขี้หนู, ใบขี้เหล็กและขมิ้น มาตำให้ละเอียด จากนั้นใส่ลงไปในภาชนะสำหรับใส่สารละลายสมุนไพรแต่ละชนิด แล้วนำไปผสมกับน้ำเปล่าปริมาตร 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรทุกๆ ภาชนะ ตั้งทิ้งไว้ 1 วัน



ขั้นตอนที่ 3 กรองสมุนไพรด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้สมุนไพรแยกออกจากสารละลายแต่ละชนิด



ขั้นตอนที่ 4 นำหอยแครงไปแช่ในสารละลายบอระเพ็ด, ใบโหระพา, พริกขี้หนู, ใบขี้เหล็กและขมิ้นที่ผ่านการกรองเรียบร้อยแล้ว ชนิดละ 500 กรัม เป็นเวลา 1 ชั่วโมง


ขั้นตอนที่ 5 แยกหอยแครงออกจากสารละลาย จากนั้นก็นำสารละลายที่ได้ มากรองกับผ้าขาวบาง   เพื่อตรวจหาปริมาณดินที่หอยแครงคายออกมา


ขั้นตอนที่ 6 นำหอยแครงที่แยกออกจากสารละลายไปต้มในน้ำเปล่าปริมาตร 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร จนเดือด เป็นเวลา 15 นาที


ขั้นตอนที่ 7 แยกหอยแครงออกจากน้ำที่ต้ม จากนั้นนำน้ำที่ต้มหอยแครงมากรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งเพื่อตรวจหาปริมาณดินที่หอยแครงคายออกมา


ขั้นตอนที่ 8 นำผ้าขาวบางที่กรองแล้วของสมุนไพรแต่ละชนิด มาเปรียบเทียบการคายดินของหอยแครง                                       

     










อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง



1. พืชสมุนไพร





                                                    
  








วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติเล็กๆ ของหอยแครงตัวจิ๋ว


หอยแครง (ชื่อสามัญ)
COCKLE (ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ)
Anadara granosa (ชื่อวิทยาศาสตร์)
ARK SHELL (ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ)

ลักษณะทั่วไป
        เป็นหอยสองฝาลักษณะค่อนข้างกลม เปลือกหนา ด้านนอกของเปลือกเป็นสันโค้งด้านละ 20 สัน ด้านบนของสันจะสูงแล้วลาดลงไปถึงฝาเปิดปิด โดยปกติเปลือกมีสีน้ำตาลอมดำ แต่ถ้าหอยอยู่ในบริเวณที่น้ำตื้นและแห้งเสมอฝาด้านบนจะมีสีขาว

ถิ่นอาศัย
        พื้นท้องทะเลชายฝั่งตื้น ๆ ที่เป็นโคลนหรือโคลนเหลว พบมากที่ชลบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ฯ ปัตตานี

อาหาร
        กินสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในทะเล

ขนาด
         ความยาวประมาณ 6-7 ซ.ม.

ประโยชน์
         เนื้อใช้สำหรับรับประทาน ส่วนเปลือกใช้ทำเครื่องประดับของชำร่วย หรือบดผสมลงในอาหารไก่ได้

ขมิ้น บำรุงความงาม

ผงขมิ้นใช้สำหรับบำรุงผิว: ผงขมิ้นผสมกับน้ำนม สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ และยังเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ สามารถช่วยล้างพิษแผลเปื่อยและรักษาโรคสะเก็ดเงินที่ทาง สธ กำลังเตือนประชาชนอยู่ได้ด้วย

ขมิ้นครีมพอกหน้าสูตรธรรมชาติ: เพื่อผลัดผิวหน้าให้กระจ่างใส การนำผงขมิ้นมาผสมกับข้าวเปลือกที่บดละเอียด ผสมกับน้ำนมหรือโยเกิร์ต พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สมารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้

ขมิ้นลดริ้วรอยบนใบหน้า: ผงขมิ้นผสมกับถั่วเขียวบดเป็นแป้งละเอียดผสมกับนม ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ หากทำเป็นประจำ 1-2 เดือน

ขมิ้นครีมสำหรับเวลากลางคืน: สามารถใช้ขมิ้น + นม + โยเกิร์ต พอกหน้าในขณะเวลานอนหลับตอนกลางคืนได้ และสามารถล้างออกในตอนเช้าด้วยน้ำอุ่น

ขมิ้นรักษาสิว: ขมิ้นมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติอยู่แล้ว สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ ช่วยลดการแดงและอักเสบของสิว การดื่มชาขมิ้นก็สามารถเป็นยาป้องกันการระบาดของสิวได้ การผสมขมิ้นกับน้ำมะนาว , น้ำมันงาหรือน้ำแตงกวา (ใช้น้ำมะพร้าวก็ได้ แต่คนไทยคงจะถือกันเรื่องการเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้า) ใช้แต้มสิวมิ้งไว้ 10-15 นาทีและล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถช่วยรักษาสิวได้

ขมิ้นใช้มาร์คหน้าสำหรับคนหน้ามัน: ขมิ้นช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้ การใช้ผงขมิ้น ผสมกับน้ำส้ม ผสมกับผงจากไม้จันทน์ ผสมกับน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้า 10-15 นาที เป็นประจำสามารถช่วยลดปัญหาหน้ามันได้...

ขมิ้น นอกจากจะบำรุงผิวพรรณแล้วยังมีประโยชน์กับร่างกายอีกมากมายด้วย...

พริกขี้หนูลดคอเลสเตอรอล

       พริกขี้หนูลดคอเลสเตอรอล พริกขี้หนูจะมีรสเผ็ดร้อน จะอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง และให้สารอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ท่านผู้อ่านชาว Upyim คงอยากจะทราบสรรพคุณแล้ว งั้นมาฟังกันเลย พริกขี้หนูมีสรรพคุณเป็นยาเจริญอาหาร แก้ไอ ขับเสมหะ ขับพิษร้าย แก้หวัด ลดคอเลสเตอรอล ลดไขมัน รักษาอาการบวมเนื่องจากความเย็นจัด แก้ตานซางซึ่งเป็นโรคที่มักพบในเด็กที่มีอาการซูบซีด พุงโล ก้นปอด และพริกขี้หนูนี้ยังมีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียและฆ่าแมลง รักษาโรคผิวหนังจำพวกเชื้อรา กลาก เกลื้อน ผดผื่นคัน สารสกัดจากพริกเมื่อทาลงบนผิวหนังจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว และการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยสลายไขมันที่สะสมให้บางลง ช่วยบรรเทาอาการปวดตามกล้ามเนื้อได้ด้วย
 
       เนื่องจากพริกขี้หนู หรือพริกทั่วไป มีรสเผ็ดร้อน หากท่านผู้อ่านชาว Upyim รับประทานแบบสดๆ ในปริมาณมาก อาจไประคายเคืองในกระเพาะทำให้รู้สึกแสบร้อนที่กระเพาะอาหารได้ โดยเฉพาะท่านผู้อ่านชาว อัพยิ้ม ท่านใดที่เป็นโรคกระเพาะอาหารควรรับประทานในปริมาณแต่พอดี อย่ารับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัดเพราะอาจทำให้กระเพาะเป็นแผลได้

credit by http://women.upyim.com/%E0

คราดหอยแครง สุดหรรษา

คราดหอยแครงแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

2.1 คราดหอยแครงแบบมีด้าม

2.2 คราดหอยแครงแบบไม่มีด้าม




       คราดหอยแครงแบบมีด้าม ส่วนที่เป็นซี่คราดทำด้วยเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.50 มิลลิเมตร ช่องห่างของซี่คราด 2.00-2.50 เซนติเมตร หรือบุด้วยตาข่ายเหล็กขนาดตา 20 x 20 มิลลิเมตร ส่วนที่เป็นโครงใช้เหล็กเส้นขนาดใหญ่กว่า มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 10 มิลลิเมตร ปากคราดสูง 20-40 เซนติเมตร ความยาว 87-120 เซนติเมตร ความกว้าง(จากปากคราดถึงก้นคราด) 28-70 เซนติเมตร ขอบด้านล่างของปากจะมีซี่คราดยื่นออกมายาว 6 เซนติเมตร และทำให้เฉียงลง หรืองอลงประมาณ 70 องศา ด้ามคราดทำด้วยไม้ยาว 7-8 เมตร ยึดติดกับกึ่งกลางปากคราดและใช้เชือกขนาด 16 มิลลิเมตร ยาว 6-8 เมตร ผูกโคนด้ามไม้ เหนือขอบบนกึ่งกลางปากคราด เครื่องมือชนิดนี้ พบมากในเขตภาคใต้ตอนล่าง

        คราดหอยแครงแบบไม่มีด้าม ตัวคราดทำด้วยเหล็กเส้นเช่นเดียวกัน มีวิธีทำการประมง และลักษณะคล้ายกับคราดหอยลาย ขอบด้านล่างของปากคราดเป็นซี่ หรือเป็นเหล็กแบน อยู่ด้านหน้าและเฉียงลงทำมุมประมาณ 40 องศา และยื่นออกมายาวประมาณ 6.50 เซนติเมตร ขนาดความยาวและความกว้างของคราดขึ้นอยู่กับขนาดเรือ ส่วนช่องห่างของซี่คราดขึ้นอยู่กับขนาดของหอยแครง ตัวอย่างเช่น เรือขนาด 12 เมตร ใช้คราดขนาดความยาวหน้าปากคราด 1.70 เมตร ความกว้างส่วนบน 95 เซนติเมตร ความกว้างส่วนล่าง 80 เซนติเมตร ความสูงหน้าปากคราด 11 เซนติเมตร ส่วนท้ายคราดเรียวเล็กลง ตามลำดับ โครงทำด้วยท่อโลหะขนาดครึ่งนิ้ว แต่ขอบบนของปากคราดจะใช้ท่อโลหะขนาดนิ้วครึ่ง มีแผ่นเหล็ก 2 แผ่น อยู่เหนือขอบบนของปากคราด ใช้สำหรับผูกสายซุง ซี่คราดทำด้วยเหล็กกลมขนาด 6 มิลลิเมตร มีช่องห่างระหว่างซี่คราด 1.50 เซนติเมตร สายซุงเป็นโซ่ผสมกับเชือกขนาด 20 มิลลิเมตร ยาวข้างละ 4.50 เมตร สายลากเป็นเชือกขนาด 20 มิลลิเมตร ส่วนคราดหอยแครงของเรือขนาดไม่เกิน 10 เมตร ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 5-10 แรงม้า จะใช้คราดหอยแครงที่มีความยาวปากคราด 1.10-1.50 เมตร ความกว้าง(ด้านข้าง) ขอบด้านบนยาว 35-38 เซนติเมตร ความกว้างขอบด้านล่าง 27-30 เซนติเมตร ความสูงหน้าปากคราด 15 เซนติเมตร ช่องห่างซี่คราด 1.50 เซนติเมตร แต่ถ้าลากลูกหอยแครงขายให้ผู้เลี้ยงจะใช้ช่องห่างซี่คราด 1.00 เซนติเมตร ด้านหน้าปากคราดขอบล่างทำเป็นซี่และยื่นออกมา 6.50 เซนติเมตร เฉียงลงทำมุมกับพื้นประมาณ 40 องศา ซุงเป็นเชือกขนาด 10 มิลลิเมตร ยาวด้านละ 1.50 เมตร วัสดุที่ใช้ทำเป็นคราดเหมือนกับคราดขนาดใหญ่ สายลากเป็นเชือกขนาด 12-14 มิลลิเมตร จำนวนคราดที่ใช้ 2 อัน/ลำ

credit by http://www.aquatoyou.com/index.php/2010-04-18-00-34-02/596--ark-shell-dredges